Update : 16 Feb 2011
ได้มีการสำรวจผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทยพบว่ามักจะแพ้ไรฝุ่น ฝุ่นบ้าน เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่แมลงสาบ ละอองเกสรพืชและขนสัตว์...
การรักษาโรคภูมิแพ้
หลักการดูแลผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีหลักการทั่วไปคือ
• การควบคุมสิ่งแวดล้อมและสารก่อภูมิแพ้
• การให้การรักษาด้วยยา
การควบคุมสิ่งแวดล้อมและสารก่อภูมิแพ้
ได้มีการสำรวจผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทยพบว่ามักจะแพ้ไรฝุ่น ฝุ่นบ้านเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่แมลงสาบ ละอองเกสรพืชและขนสัตว์ ถ้าทำได้แนะนำให้ทำการทดสอบผิวหนังทุกคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าแพ้อะไรจะได้หลีกเลี่ยงได้ถูก ต้องและยังใช้เป็นแนวทาง ในการพิจารณาทำการรักษาด้วยการฉีดวัคซีนอีกด้วย ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ไม่ได้รับการทดสอบผิวหนังหรือไม่สามารถทำการ ทดสอบได้ก็ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยดังนี้คือ
1.ไรฝุ่น
• จัดห้องนอนให้โล่ง ไม่ควรมีพรม ตุ๊กตาและผ้าม่าน
• ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนและผ้าห่มด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
• คลุมที่นอน หมอน หมอนข้างด้วยผ้าใยสังเคราะห์ชนิดพิเศษซึ่งสามารถกันไม่ให้ตัวไรฝุ่นลอดผ่านขึ้นมาได้
2.แมลงสาบ
• ขจัดแหล่งอาหารของแมลงสาบ โดยใส่ขยะและเศษอาหารในถุงหรือถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด
• ใช้ยาฆ่าแมลงสาบและกับดักแมลงสาบ
3.สัตว์เลี้ยง
• ไม่ควรเลี้ยงสัตว์มีขนเช่น สุนัข แมว นก กระต่าย
• ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่นอกบ้านและอาบน้ำทุกสัปดาห์
• ใช้เครื่องดูดฝุ่นและเครื่องกรองอากาศ
4.เกสรหญ้า
• ควรตัดหญ้าและวัชพืชบริเวณบ้านบ่อยๆ เพื่อลดจำนวนเกสร
• ไม่ควรนำต้นไม้ ดอกไม้สดหรือแห้งไว้ในบ้าน
• ในช่วงที่มีละอองเกสรมาก ควรปิดประตู หน้าต่างและใช้เครื่องปรับอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศ
• ทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเช้า เพราะละอองเกสรจะปลิวมากช่วงตอนเย็น
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองต่างๆที่อาจทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบได้แก่ ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสีย กลิ่นฉุน น้ำหอม ควันธูปและฝุ่นละอองจากแหล่งต่างๆ การออกกำลังกายสม่ำเสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็มีความสำคัญ โดยพบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักมีอาการแย่ลงเมื่อมีภาวะเครียดและอดนอน ดังนั้นควรดูแลสุขภาพตัวเองไม่ให้เครียดมากและควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ในกรณีมีอาการหืดกำเริบจากการออกกำลังกาย การพ่นยาขยายหลอดลมก่อนการออกกำลังกาย 15-30 นาทีจะช่วยป้องกันการหอบระหว่างออกกำลังกายได้
การให้การรักษาด้วยยา
เราอาจแบ่งการรักษาโรคภูมิแพ้ออกได้เป็น 3 ระดับเพื่อความเข้าใจง่ายๆดังนี้
1. ยาบรรเทาอาการ เช่นยาแก้แพ้ หรือต้านฮิสตามีน ยาขยายหลอดลม
2. ยาต้านการอักเสบ เช่น ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกหรือสูดทางปาก
3. การใช้วัคซีนภูมิแพ้ เป็นการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกายเริ่มจากปริมาณน้อยๆ และเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆจนร่างกายเกิดความชินต่อสารก่อภูมิแพ้นั้นซึ่งผู้ ป่วยที่ควรรับการรักษาโดยวิธีฉีดวัคซีนภูมิแพ้คือ ผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาไม่ดีขึ้นหรือมีผลข้างเคียงจากยา โดยก่อนจะเลือกรักษาด้วยการฉีดวัคซีนจำเป็นต้องทราบก่อนว่าแพ้อะไรเพื่อจะ ได้นำสารที่แพ้มาฉีด แต่อย่างไรก็ตามการรักษาโดยวิธีนี้ ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและผู้ป่วยต้องรับการรักษาอย่างน้อย 3-5 ปี
แต่งโดย : ศ.นพ. เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม
สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย